สูตร Excel ที่ใช้ในการทำงาน

 

ใน Excel มีหลายสูตร (หรือฟังก์ชัน) ที่สามารถใช้คำนวณหรือจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือ สูตร Excel พื้นฐาน ที่ใช้งานบ่อยๆ พร้อมตัวอย่างการใช้งาน:

1. สูตร SUM()

  • การใช้: ใช้เพื่อหาผลรวมของช่วงข้อมูล
  • ตัวอย่าง=SUM(A1:A10)
    • จะคำนวณผลรวมของค่าจากเซลล์ A1 ถึง A10

2. สูตร AVERAGE()

  • การใช้: ใช้เพื่อหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล
  • ตัวอย่าง=AVERAGE(B1:B10)
    • จะคำนวณค่าเฉลี่ยของค่าจากเซลล์ B1 ถึง B10

3. สูตร COUNT()

  • การใช้: ใช้เพื่อหาจำนวนเซลล์ที่มีค่าตัวเลขในช่วงข้อมูล
  • ตัวอย่าง=COUNT(C1:C10)
    • จะนับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูลเป็นตัวเลขในช่วง C1 ถึง C10

4. สูตร COUNTA()

  • การใช้: ใช้นับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูล (ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, ตัวเลข, หรือวันที่)
  • ตัวอย่าง=COUNTA(D1:D10)
    • จะนับจำนวนเซลล์ที่มีข้อมูลในช่วง D1 ถึง D10

5. สูตร IF()

  • การใช้: ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไข และทำการตัดสินใจตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • ตัวอย่าง=IF(A1>10, "มากกว่า 10", "น้อยกว่า 10")
    • หากค่าของเซลล์ A1 มากกว่า 10 จะได้ผลลัพธ์เป็น "มากกว่า 10" หากไม่ใช่จะได้ผลลัพธ์เป็น "น้อยกว่า 10"

6. สูตร VLOOKUP()

  • การใช้: ใช้เพื่อค้นหาค่าจากตารางในแนวตั้ง (Vertical)
  • ตัวอย่าง=VLOOKUP(A2, B2:D10, 3, FALSE)
    • ค้นหาค่าจากเซลล์ A2 ในตารางช่วง B2:D10 และคืนค่าจากคอลัมน์ที่ 3 ของตาราง (คอลัมน์ D)
    • FALSE หมายถึงให้ค้นหาค่าที่ตรงกันอย่างสมบูรณ์

7. สูตร HLOOKUP()

  • การใช้: ใช้เพื่อค้นหาค่าจากตารางในแนวนอน (Horizontal)
  • ตัวอย่าง=HLOOKUP(A2, B1:D10, 3, FALSE)
    • ค้นหาค่าจากเซลล์ A2 ในตารางช่วง B1:D10 และคืนค่าจากแถวที่ 3 ของตาราง

8. สูตร CONCATENATE() หรือ TEXTJOIN()

  • การใช้: ใช้ในการรวมข้อความจากหลายเซลล์
  • ตัวอย่าง=CONCATENATE(A1, " ", B1)
    • รวมข้อความจากเซลล์ A1 และ B1 โดยแยกด้วยช่องว่าง
  • หรือใช้ TEXTJOIN()=TEXTJOIN(" ", TRUE, A1, B1)
    • เช่นเดียวกัน แต่ TEXTJOIN() สามารถเลือกที่จะข้ามค่าที่ว่างได้ด้วย TRUE

9. สูตร LEFT(), RIGHT(), MID()

  • การใช้: ใช้เพื่อดึงข้อความจากตำแหน่งต่างๆ

    • LEFT() ใช้ดึงข้อความจากซ้าย
    • RIGHT() ใช้ดึงข้อความจากขวา
    • MID() ใช้ดึงข้อความจากตำแหน่งที่กำหนด
  • ตัวอย่าง:

    • =LEFT(A1, 3) – ดึง 3 ตัวอักษรจากซ้ายในเซลล์ A1
    • =RIGHT(A1, 2) – ดึง 2 ตัวอักษรจากขวาในเซลล์ A1
    • =MID(A1, 2, 3) – ดึงข้อความจากตำแหน่งที่ 2 ใน A1 และดึง 3 ตัวอักษร

10. สูตร NOW() และ TODAY()

  • การใช้: ใช้เพื่อแสดงวันที่และเวลาปัจจุบัน
  • ตัวอย่าง:
    • =NOW() – คืนค่าทั้งวันที่และเวลาปัจจุบัน
    • =TODAY() – คืนค่าเฉพาะวันที่ปัจจุบัน

11. สูตร MAX() และ MIN()

  • การใช้: ใช้เพื่อหาค่าสูงสุดและต่ำสุดในชุดข้อมูล
  • ตัวอย่าง:
    • =MAX(A1:A10) – หาค่าสูงสุดจากเซลล์ A1 ถึง A10
    • =MIN(A1:A10) – หาค่าต่ำสุดจากเซลล์ A1 ถึง A10

12. สูตร INDEX()

  • การใช้: ใช้เพื่อดึงค่าจากตารางในตำแหน่งที่กำหนด
  • ตัวอย่าง=INDEX(A1:C10, 2, 3)
    • จะดึงค่าจากแถวที่ 2 และคอลัมน์ที่ 3 ของช่วง A1:C10

13. สูตร MATCH()

  • การใช้: ใช้เพื่อค้นหาตำแหน่งของค่าภายในช่วงข้อมูล
  • ตัวอย่าง=MATCH("Apple", A1:A10, 0)
    • ค้นหาตำแหน่งของคำว่า "Apple" ในช่วง A1 ถึง A10 (การค้นหาแบบตรง)

14. สูตร ROUND(), ROUNDUP(), ROUNDDOWN()

  • การใช้: ใช้เพื่อปัดเศษตัวเลข
  • ตัวอย่าง:
    • =ROUND(A1, 2) – ปัดเศษค่าของ A1 ให้เป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง
    • =ROUNDUP(A1, 1) – ปัดขึ้นเป็นทศนิยม 1 ตำแหน่ง
    • =ROUNDDOWN(A1, 1) – ปัดลงเป็นทศนิยม 1 ตำแหน่ง

15. สูตร LEN()

  • การใช้: ใช้เพื่อหาจำนวนตัวอักษรในเซลล์
  • ตัวอย่าง=LEN(A1)
    • จะคืนค่าจำนวนตัวอักษรในเซลล์ A1

การใช้สูตร Excel ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการคำนวณและการจัดการข้อมูล ดังนั้นการเรียนรู้ฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยให้การทำงานใน Excel มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

Rating

No votes yet