ข้าราชการสังกัดมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่เปลี่ยนสภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับ เมื่อเกษียณราชการจะได้รับเงินอะไรบ้าง? และเมื่อไหร่?
กรณีที่ 1 พนักงานมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสภาพที่ไม่เป็นสมาชิก กบข.
ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. เมื่อเปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้วไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิก กบข.ต่อไป มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญตามพระราชบัญญัติกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ พ.ศ.2539 และได้รับค่าจ้างพนักงาน มหาวิทยาลัยตั้งแต่วันที่เปลี่ยนสถานภาพ จะได้รับเงินอะไรบ้าง และได้รับเมื่อไร?
1. เงินบำนาญ = (เงินเดือนเฉลยี่ 60 เดือนสุดท้าย x เวลา ราชการ(ปี) )/50
*โดยบํานาญที่คำนวณได้ต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือน เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย* (ซึ่งก็ได้รับทุกเดือนแล้ว)
2. เงินเกษียณจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ
จำนวน 50,000 บาท
จะได้รับในวันที่มหาวิทยาลัยจัดงานผู้เกษียณให้และรับที่วิทยาเขตหาดใหญ่
3. เงินจากเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ได้รับตามจำนวนที่ได้หักไว้ในแต่ละเดือน + ด้วยเงินที่กองทุนฯ สมทบให้ 3-5 %
จะได้รับในเดือนตุลาคม (หลังจากเกษียณแล้ว)
*(ต้องลาออกตอนที่ใกล้เกษียณ หน่วยงานฯ จะส่งหนังสือมาให้เรา)
4. เงินชดเชย
ครบ 6 ปี = เงินดือนสุดท้าย x 8 เท่า
ครบ 8 ปี = เงินดือนสุดท้าย x 10 เท่า
* 8 ปีขึ้นไป x 10 และจะได้ประมาณเดือนมกราคม ของปีถัดไป
5. เงินบำเหน็จดำรงชีพ
เป็นเงินส่วนหนึ่งของบำเหน็จตกทอดซึ่งเป็นเงินที่ทายาทจะได้รับหลังจากที่ผู้รับบำนาญเสียชีวิต ทั้งนี้ทางรัฐบาลให้สิทธิกับผู้เกษียณในการขอรับเงินส่วนหนึ่งก่อน เรียกว่า เงินบำเหน็จดำรงชีพ เป็นเงิน 15 เท่าของเงินบำนาญ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยแบ่งจ่าย เป็น 3 ครั้ง
การขอรับเงินบำเหน็จดำรงชีพจะต้องทำอย่างไรและจะจ่ายให้เมื่อไหร่บ้าง
- คำตอบ
เงินบำเหน็จดำรงชีพเป็นเงินส่วนหนึ่งของบำเหน็จตกทอดซึ่งเป็นเงินที่ทายาทจะได้รับหลังจากที่ผู้รับบำนาญเสียชีวิต ทั้งนี้ทางรัฐบาลให้สิทธิในการขอรับเงินส่วนหนึ่งก่อน เรียกว่า เงินบำเหน็จดำรงชีพ เป็นเงิน 15 เท่าของเงินบำนาญ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยแบ่งจ่าย เป็น 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เมื่อผู้เกษียณยื่นขอตอนเกษียณอายุ 60 ปีบริบูรณ์ ให้มีสิทธิขอรับบำเหน็จดำรงชีพได้ 15 เท่าของเงินบำนาญ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
ครั้งที่ 2 เมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ (นับจากวันเกิด) จะมีสิทธิขอรับบำเหน็จดำรงชีพได้อีกครั้งตามสิทธิ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (หรือเท่าที่เหลือจากครั้งที่ 1) ยื่นที่งานการเจ้าหน้าที่ของกองการเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง
ครั้งที่ 3 เมื่อผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ (นับจากวันเกิด) ให้มีสิทธิขอรับบำเหน็จดำรงชีพได้ไม่เกิน 100,000 บาท (แต่ถ้าเงินบำเหน็จดำรงชีพหมดไปแล้วจากการเบิกครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็อาจจะไม่มี)
ผู้เกษียณควรนำหลักฐานต่างๆ ส่งให้งานการเจ้าหน้าที่ให้ครบเพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้เกษียณและทายาท ในการรับเงินบำเหน็จดำรงชีพ เช่น
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน (ของตนเอง และ ของทายาท)
- สำเนาสมุดธนาคาร (Book Bank)
กรณีบิดามารดาของผู้เกษียณเสียชีวิต ผู้เกษียณต้องยื่นใบมรณบัตร หรือ ทะเบียนคนตาย หรือ ใบรับรองการตาย ของบิดามารดาผู้เกษียณด้วย โดยสามารถติดต่อขอหลักฐานได้ที่งานทะเบียนราษฎร์ ที่ ที่ว่าการอำเภอ
หมายเหตุ ถ้าเปลี่ยนสภาพฯ รอบที่ 1 คือ 1 ตุลาคม 2559 จะนับได้ครบปี
ถ้าเปลี่ยนสภาพฯ รอบที่ 2 คือ 2 ธันวาคม 2559 จะนับไม่ครบปี
กรณีที่ 2 พนักงานมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสภาพที่ยังคงเป็นสมาชิก กบข.
ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. เมื่อเปลี่ยนสภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้วประสงค์จะเป็นสมาชิก กบข.ต่อไป เมื่อเกษียณราชการจะได้รับเงินบำนาญ บำเหน็จดำรงชีพ บำเหน็จตกทอด เงินสะสม เงินสมทบ เงินประเดิม เงินชดเชย และผลประโยชน์ตอบแทนเงินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 จะได้รับเงิน ดังนี้
1.เงินบํานาญ = (เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x เวลาราชการ(ปี) )/50
*โดยบํานาญที่คำนวณได้ต้องไม่เกิน 70 % ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย*
2.เงินก้อนจาก กบข. = เงินประเดิม(ถ้ามี) + เงินชดเชย + เงินสะสม + เงินสมทบ +ผลประโยชน์
- Log in to post comments
- 80 views