การอพยพหนีไฟและดับเพลิง

 

🔥 ความสำคัญของการเรียนรู้เรื่องอัคคีภัย

อัคคีภัยถือเป็นภัยพิบัติที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินในวงกว้าง การเตรียมความพร้อมและความรู้เกี่ยวกับการรับมืออัคคีภัยจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในทุกองค์กร รวมถึงในชีวิตประจำวันของบุคลากรและชุมชน เพื่อให้สามารถลดความเสี่ยง ลดความสูญเสีย และช่วยเหลือกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

การอบรมเรื่องการอพยพหนีไฟและการดับเพลิงจึงมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และเพิ่มความมั่นใจในการปฏิบัติตนในสถานการณ์ฉุกเฉินให้แก่บุคลากรทุกคนในองค์กร

 🔥 ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมและฝึกปฏิบัติ

1. ความรู้เกี่ยวกับอัคคีภัยและประเภทของเพลิงไหม้

• เข้าใจสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดเพลิงไหม้ เช่น การลัดวงจรของไฟฟ้า การเผาไหม้วัสดุไวไฟ หรือการกระทำผิดพลาดของมนุษย์
• จำแนกประเภทของเพลิงไหม้ตามชนิดของวัสดุที่เกิดไฟ เช่น
  • Class A: เพลิงไหม้จากวัสดุทั่วไป เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ
  • Class B: เพลิงไหม้จากของเหลวไวไฟ เช่น น้ำมัน แก๊ส
  • Class C: เพลิงไหม้จากไฟฟ้า
  • Class D: เพลิงไหม้จากโลหะ
  • Class K: เพลิงไหม้จากน้ำมันหรือไขมันในครัว

2. การใช้อุปกรณ์ดับเพลิงและเทคนิคการดับไฟ

• เรียนรู้ชนิดของถังดับเพลิง เช่น ถังดับเพลิงเคมีแห้ง ถังดับเพลิงคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ
• ฝึกปฏิบัติการใช้ถังดับเพลิงตามหลักการ PASS
  • Pull: ดึงสลักหรือปลดล็อค
  • Aim: เล็งหัวฉีดไปที่ฐานของเปลวไฟ
  • Squeeze: กดคันบีบเพื่อปล่อยสารดับเพลิง
  • Sweep: กวาดหัวฉีดไปมาเพื่อดับไฟให้ทั่วถึง
• เรียนรู้ข้อควรระวังในการใช้ถังดับเพลิงแต่ละประเภทเพื่อความปลอดภัย

3. การอพยพหนีไฟอย่างปลอดภัย

• ฝึกเดินตามเส้นทางหนีไฟที่กำหนดไว้ ไม่ใช้ลิฟต์ในกรณีฉุกเฉิน
• วิธีป้องกันตนเองจากควันไฟ เช่น การก้มตัวต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงควันพิษ
• การปิดประตูและหน้าต่างเพื่อช่วยจำกัดการลุกลามของไฟ
• การปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และการรวมตัวที่จุดรวมพลอย่างรวดเร็ว
• การช่วยเหลือผู้ที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือเด็ก

4. การแจ้งเหตุและการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน

• เรียนรู้วิธีการแจ้งเหตุอย่างถูกต้อง เช่น การโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉิน 199 หรือช่องทางภายในองค์กร
• การใช้วิทยุสื่อสารหรือเครื่องมือสื่อสารฉุกเฉินอื่น ๆ ในการประสานงาน
• การรายงานสถานการณ์และการอัพเดตข้อมูลให้กับทีมงานเพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็ว

5. บทบาทและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (Fire Warden)

• รับผิดชอบในการตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นที่ก่อนการอพยพ
• นำและจัดการการอพยพของพนักงานในพื้นที่ของตน
• รายงานสถานการณ์และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงภายนอก
• เป็นผู้นำให้ความรู้และฝึกซ้อมแก่เพื่อนร่วมงานในเรื่องความปลอดภัย

🔥 ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม

• บุคลากรมีความรู้และทักษะในการป้องกันและรับมือกับเพลิงไหม้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
• ลดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินขององค์กร
• สร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้ใช้บริการ ว่าองค์กรมีการเตรียมพร้อมและมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
• ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรด้านความปลอดภัยและสุขภาพ (Safety Culture) ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
• เพิ่มความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างทีมงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน

🔥 การนำความรู้ไปพัฒนางานในหน้าที่

• จัดทำและทบทวนแผนอพยพหนีไฟ โดยกำหนดเส้นทางหนีไฟที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับลักษณะของสถานที่ทำงาน
• กำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ในการอพยพหนีไฟ เช่น ผู้ประสานงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงภายใน และผู้ช่วยเหลือผู้พิการ
• จัดอบรมและฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรคุ้นเคยและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
• ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัย อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น ถังดับเพลิง ระบบสัญญาณเตือน และไฟฉุกเฉิน
• ถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย ผ่านกิจกรรมอบรม สื่อความรู้ และการสื่อสารภายในองค์กร
• พัฒนาแนวทางช่วยเหลือพนักงานกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยเรื้อรัง ในการอพยพหนีไฟอย่างมีประสิทธิภาพ
• บูรณาการความรู้เรื่องความปลอดภัยเข้ากับระบบบริหารคุณภาพ เพื่อสร้างองค์กรที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

🔥 ข้อเสนอแนะและแนวทางเพิ่มเติม

• การติดตั้งระบบเตือนภัยไฟไหม้อัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพและเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมภายในองค์กร
• การจัดทำสื่อการเรียนรู้ เช่น คลิปวิดีโอ สื่ออินโฟกราฟิก และแบบทดสอบออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัย
• การส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประกวดความรู้ ความปลอดภัย กิจกรรมวันความปลอดภัยสากล
• การส่งเสริมการฝึกอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินแบบองค์รวม