การดูแลสุขภาพตามแนวทางของ อาจารย์ไกร มาศพิมล และ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์

บล็อกนี้ต้องบอกกล่าวกันก่อนว่า เป็นการเขียนที่เก็บไว้ให้ตัวเองอ่านเป็นสำคัญ แต่หากจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้างก็ยินดีครับ
ความจริงการรับฟังเรื่องนี้ เกิดจากพี่บ่าว (ลูกพี่ลูกน้อง) ส่งลิงค์วิดีโอใน youtube ตัวหนึ่งมาให้ฟัง โดยโฆษณาชวนเชื่อว่า ดีมาก 
ผมเองก็เป็นคนเชื่อคนง่ายอยู่แล้วเลยเปิดฟังอย่างไม่ลังเล 
สาเหตุที่ใช้คำว่าเปิดฟัง เนื่องจากเปิดฟังขณะทั้งนั่งทำงานปิดเล่มวารสาร ปี 2559 ฉบับที่ 1
ซึ่งปกติก็จะเปิดเพลงฟังขณะทำงาน ประเด็นนี้ก็น่าคิดนะครับ
ผมว่าฟังสาระความรู้แทนการฟังเพลงก็ได้ประโยชน์ตามสมควร
ที่บอกว่าประโยชน์ตามสมควร เนื่องจากบางครั้งก็ฟังแล้วเข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้าง เพราะมันฟังไปการทำงานไป แต่ก็ยังถือว่าได้ประโยชน์มากกว่าครับ

เข้าประเด็นกันดีกว่าครับ

ขอเริ่มที่ อาจารย์ไกร มาศพิมล ซึ่งเป็นนักโภชนาบำบัด แนะนำให้เราทานผลไม้ไทย อย่างเช่น กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ทุเรียน ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ แตงโม เป็นต้น ยืนยันด้วยงานวิจัยทั้งจากต่างประเทศและในประเทศว่ามีประโยชน์นานัปการ

สิ่งที่อาจารย์ไกร ให้ระวังและหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด คือ น้ำตาล (ผ่านกระบวนการทางเคมี) เนื่องจากกดภูมิต้านทาน ก่อโรค (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ อ้วน มะเร็ง) คนไทยบริโภคน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกายมากกว่า 6 เท่า โดยไม่รู้ตัว ถามว่าแล้วมาจากไหน คำตอบก็คือ น้ำชา กาแฟ น้ำปั่น น้ำอัดลม ชาเขียว น้ำดื่มบรรจุภัณฑ์ทั้งหลาย ขนมหวาน ขนมกล่อง ขนมซองต่างๆ เหล่านี้คือที่มาของการบริโภคน้ำตาลเกินขนาดของคนไทย
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ไกร ซ้ำเสมอว่า น้ำตาลกินได้ ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้ แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสม คือ ไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน นอกจากนี้ แนะนำให้ทานน้ำตาลจากธรรมชาติ (ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี) เช่น น้ำตาลมะพร้าว (น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลบึก) น้ำตาลตโหนด 

สิ่งที่อาจารย์ไกร แนะนำให้หลีกเลี่ยงลำดับต่อมา คือ ไขมันไม่อิ่มตัว (อยู่ในอุณหภูมิห้องแล้วไม่เป็นไข เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว เป็นต้น) เป็นสิ่งที่คนไทยโดนฝรั่งหลอกมาโดยตลอดว่าให้ทานไขมันไม่อิ่มตัว แทน ไขมันอิ่มตัว (อยู่ในอุณหภูมิห้องแล้วเป็นไข เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันวัว เป็นต้น) เนื่องจากไขมันไม่อิ่มตัวเมื่อนำมาปรุงอาหารด้วยความร้อนจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้เกิดสารก่อโรค (มะเร็ง หัวใจ) ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น หากต้องทานน้ำมันจากพืชต้องไม่ผ่านความร้อนสูง หากต้องปรุงด้วยความร้อนสูงควรใช้น้ำมันจากสัตว์แทน
นอกจากนี้ ยังมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ซ่อนอยู่ในพวกขนมคบเคี้ยว ครีมเทียม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน

อาจารย์ไกล แนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการกำมือ แกว่งแขน พร้อมกับย่อหัว

สำหรับ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ หมอที่ผ่านประสบการณ์พบเจอกับโรคร้ายที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้ังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ตับอักเสบ แต่แทนที่จะใช้วิธีการรักษาและรับทานยา ตามแนวทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ตนเองร่ำเรียนมา กลับเลือกที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเอง โดยนำประสบการณ์มาบอกว่าด้วยหลักปฏิบัติ 10 ข้อ ประกอบด้วย 5 ต้อง และ 5 ห้าม ดังนี้

5 ต้อง
1. จินตนาการเชิงบวก คิดและทำเรื่องดีดี
2. หาความรู้การดูแลสุขภาพ และความรู้อื่นๆ ที่ตนเองสนใจ มีความสุขกับการเรียนรู้
3. รับประทานผักและผลไม้สด และทานข้าว (อาหารจำพวกแป้ง) ให้น้อยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น (อายุ 30 : 2 ทัพพี, อายุ 40 : 1 ทัพพีครึ่ง, อายุ 50 : 1 ทัพพี)
4. ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออก แต่ไม่ควรหักโหม สำหรับผู้สูงอายุอาจใช้การเดินเร็ว หรือ แกว่งแขน
5. พักผ่อน อย่างน้อย 4 ชั่วโมง ช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนเพื่อซ่อมสร้างร่างกาย

5 ห้าม
1. ห้ามจิตนาการเชิงลบ ห้ามคิดเรื่องไม่ดี (หากคิดว่าโรคที่คุณเป็นอยู่ไม่มีวันหาย อยู่ได้อีกไม่นาน คุณก็จะได้ตามนั้น)
2. น้ำหนักเกิน ต้องลดน้ำหนัก (ด้วยวิธีการที่กล่าวมาแล้วใน 5 ต้อง)
3. ห้ามรับประทานน้ำตาล (ชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำใส่บรรจุภัณฑ์ต่างๆ)
4. ห้ามไขมันไขมันทรานส์ หรือ ไขมันไม่อิ่มตัว
5. ห้ามเนื้อสัตว์ (เลี้ยงลูกด้วยนม) เนื่องจากเป็นญาติใกล้กันกับเรา ป่วยเป็นโรคเดียวกัน ติดต่อมาสู่เราได้ อีกทั้งเนื้อเหนียว ทำให้ย่อยยาก

สิ่งที่ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ชวนให้คิด คือ มนุษย์เรามีอายุขัยประมาณ 120 ปี (คำนวณจากอายุสัตว์ที่โตเต็มวัย แล้วคูณด้วย 6 มนุษย์โตเต็มวัยเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ลองคำนวณกับสัตว์อื่นดูครับว่าจริงไหม) แต่ปัจจุบันมนุษย์มีอายุสั้นเนื่องจากทำในสิ่งต้องห้าม 5 ข้อ นั่นเอง
ฉะนั้น อายุ 60 ปี หรือ วัยเกษียณ ที่เราว่าต้องพักผ่อน เลี้ยงดูหลานอยู่บ้าน อาจต้องปรับทัศนคติใหม่ เพราะอายุ 60 ปี แค่ครึ่งชีวิตเอง ยังเหลืออีกครึ่งชีวิตให้ใช้ นะครับ

จากแนวทางการดูแลสุขภาพของทั้งอาจารย์ไกร มาศพิมล และ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ จะเห็นได้ว่าเพื่อนร่วมงานของเรา ต่างมีพฤติกรรมเสี่ยงในการก่อโรค (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ มะเร็ง) ซึ่งเกิดจากการทานชา กาแฟ น้ำปั่น น้ำขวดบรรจุภัณฑ์ที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อต่างๆ สำหรับคนที่ชอบทานกาแฟ ควรทานกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม เพราะน้ำตาลและไขมันเป็นปัจจัยการก่อโรคมากที่สุด

หากใครสนใจรายละเอียดที่ครบถ้วน ลองค้นชื่อ อาจารย์ไกร มาศพิมล และ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ใน Youtube จะมีวิดีโอให้ศึกษาอยู่หลายตัวเลยครับ

ขอให้มีความสุขกับการดูแลสุขภาพนะครับ 
หมอที่ดีที่สุด คือ ตัวของคุณเอง

Rating

Average: 3.5 (2 votes)