บทความKM เรื่องการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติแบบออนไลน์

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวัน การรับมือกับภัยพิบัติไม่จำกัดเพียงการเตรียมตัวในพื้นที่จริงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผน การสื่อสาร และการประสานงานผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่จำกัดการเดินทางหรือมีข้อจำกัดด้านเวลาและทรัพยากร เช่น ช่วงโควิด-19 หรือภัยธรรมชาติที่เกิดกระทันหัน

ความหมายของ “การรับมือภัยพิบัติแบบออนไลน์”

หมายถึง การใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อ

  • เตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัย
  • รับมือและประสานงานขณะเกิดภัย
  • ฟื้นฟูและติดตามหลังเกิดภัย
    โดยเน้นการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร การฝึกอบรม และระบบแจ้งเตือนผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ วิดีโอคอล และสื่อสังคมออนไลน์

วัตถุประสงค์

  • เพื่อให้บุคลากรและประชาชนทั่วไปมีความรู้และทักษะในการใช้เครื่องมือดิจิทัลสำหรับรับมือภัยพิบัติ
  • เพื่อสร้างแนวปฏิบัติ (Best Practice) ที่สามารถเผยแพร่และนำไปใช้ในวงกว้าง
  • เพื่อรวบรวมองค์ความรู้จากประสบการณ์จริงมาแลกเปลี่ยนและต่อยอดในอนาคต

ตัวอย่างการรับมือภัยพิบัติแบบออนไลน์

     ก่อนเกิดภัย

  • ใช้แอปแจ้งเตือนภัย เช่น Prachachat Disaster Warning, Thai Meteorological Department
  • อบรมออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม e-Learning เกี่ยวกับการอพยพและปฐมพยาบาล
  • สร้างกลุ่ม LINE หรือ Facebook สำหรับสื่อสารฉุกเฉินในชุมชน

      ขณะเกิดภัย

  • แจ้งเหตุผ่านแอปพลิเคชันหรือแบบฟอร์มออนไลน์ (Google Form, LINE OA)
  • ประชุมด่วนผ่าน Zoom หรือ MS Teams เพื่อประสานงานระหว่างทีมช่วยเหลือ
  • สตรีมสถานการณ์แบบเรียลไทม์ผ่านสื่อออนไลน์

     หลังเกิดภัย

  • ประเมินความเสียหายผ่านระบบ GIS หรือแอปสำรวจภาคสนาม
  • ติดตามการฟื้นฟูและให้ข้อมูลสาธารณะผ่านเว็บไซต์/ศูนย์ข้อมูล
  • เปิดช่องทางรับบริจาคหรือสมัครอาสาสมัครผ่านระบบออนไลน์

สรุป

การรับมือภัยพิบัติในยุคดิจิทัลไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการประสานความรู้ ความร่วมมือ และการสื่อสารอย่างเป็นระบบผ่านช่องทางออนไลน์ การจัดการความรู้ในเรื่องนี้จะช่วยให้หน่วยงานและชุมชนสามารถเตรียมความพร้อม ตอบสนอง และฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับภัยพิบัติในทุกรูปแบบในอนาคต

 

Rating

No votes yet