สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน

สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองของผู้ประกันตน

          เมื่อพนักงานมหาวิทยาลัยและลูกจ้างชั่วคราว เข้ามาปฎิบัติงานแล้วมหาวิทยาลัย จะต้องดำเนินการชี้แจงการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนต่อสำนักงานประกันสังคม โดยให้พนักงานและลูกจ้างติดต่องานสวัสดิการ กองการเจ้าหน้าที่                                                        การเปลี่ยนแปลงบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล เนื่องจาก

1. เปลี่ยนสถานที่ประกอบการใหม่ หรือย้ายที่พัก

2. ชื่อ สกุล ไม่ถูกต้อง 

3. บัตรรับรองสิทธิสูญหาย

4. ต้องการจะเปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่

ผู้ประกันตนจะการขอรับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคม

- เจ็บป่วยหรือประสบอันตราย อันไม่ใช่เนื่องจากการทำงาน

- ทุพพลภาพ อันไม่ใช่เนื่องจากการทำงาน 

- ตาย อันไม่ใช่เนื่องจากการทำงาน                   

- คลอดบุตร/สงเคราะห์บุตร

- ชราภาพ

- ว่างงาน   

  ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอันตรายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงาน การบริการทางการแพทย์รวมถึงอวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษา และค่ารักษาพยาบาลกรณีทันตกรรม

     1. กรณีเจ็บป่วยทั่วไป ผู้ประกันตนต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามที่กำหนดไว้ในบัตรรับรองสิทธิฯ หรือเครือข่ายของสถานพยาบาลนั้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เว้นแต่มีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องผู้ป่วยพิเศษ หรือเวชภัณฑ์พิเศษ นอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง

     2. เจ็บป่วยกรณีฉุกเฉิน ผู้ประกันตนสามารถเข้ารักษาในสถานพยาลบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ควรแสดงสิทธิต่อสถานพยาบาลก่อนการการรักษาพยาบาล ซึ่งสถานพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประกันตน หรือผู้ประกันตน สำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อน สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลคืนจากสำนักงานประกันสังคม ตามหลักเกณฑ์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

     เงื่อนไขการเกิดสิทธิ/หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ คือจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนการว่างงาน

1. ต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน

2. มีความสามารถในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานให้เหมาะสมตามที่จัดหาให้

3. ต้องไม่ปฎิเสธการฝึกงาน

4. ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางาน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง

5. ผู้ว่างงานจะต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี

- ทุจริตต่อหน้าที่

- กระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง

- จงใจให้นายจ้างเกิดความเสียหาย

- ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันสอบด้วยกฎหมายในกรณีร้ายแรง 

- ละทั้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร

- ประมาณเลินเล่อเป็นสาเหตุให้นายจ้างเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา

6. ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ

7. มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนเริ่มตั้งแต่วันที่8 นับแต่วันว่างงานจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย

8. ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา39
 

    

Rating

Average: 5 (1 vote)