การคำนวณ Subnet mask, Broadcast, Network, Wild Card Bits
ในที่นี้จะยกตัวอย่างของ IPv4 ครับ
ของ IPv6 ก็ใช้หลักการเดียวกันแต่หลักมันจะยาวกว่า
IPv4 เขียนได้ในรูปแบบนี้ครับ A.B.C.D
โดยที่ A,B,C,D จะเขียนในรูปเลขฐาน 10 มีค่าไม่เกิน 255
เมื่อเอามาแปลเป็นรูปเลขฐานสองจะได้
bbbbbbbb.bbbbbbbb.bbbbbbbb.bbbbbbbb
จะเห็นว่ามีเลขทั้งหมด 32 ตัว โดยที่ b คือ 0 หรือ 1
การเขียน Netwrok และ Boardcast นั้นมีกฏอยู่ว่า IP ที่บอก Network จะลงท้ายด้วย 0 ทุกตัวและ Boardcast จะลงท้ายด้วย 1 ทุกตัว พูดง่ายคือ IP แรกและ IP สุดท้าย
ตัวอย่าง 1
เรามี Network 1 ชุดคือ
192.168.159.0/24
จากตัวอย่างเราก็แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้ดังนี้
11000000.10101000.10011111.00000000
เรามาดู /24 ก่อน หมายถึง 24 bit แรก fixed เอาไว้ห้ามเปลี่ยน จะได้ดังนี้
11000000.10101000.10011111.00000000
จากกฏที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ตัวเลขบอก Network คือ 11000000.10101000.10011111.00000000 หรือ 192.168.159.0 ซึ่งคือ IP แรก
จากกฏที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ตัวเลขบอก Boardcastคือ 11000000.10101000.10011111.11111111 หรือ 192.168.159.255 ซึ่งคือ IP สุดท้าย
จะได้ว่า Network นี้จะมี IP ใช้งานได้ตั้งแต่ 192.168.159.1-192.168.159.254 (192.168.159.0 กับ 192.168.159.255 เอาไปใช้แล้ว)
แล้ว Netmask จะใช้ 1 แทน bit ที่ fixed และใช้ 0 แทน bit ที่ไม่ fix จากตัวอย่างจะได้
11111111.11111111.11111111.00000000 หรือ 255.255.255.0
wild card bits จะมีในอุปการณ์ Network จะใช้แทน Netmask หลักการก็ตรงกันข้าม Network คือ จะใช้ 0 แทน bit ที่ fixed และใช้ 1 แทน bit ที่ไม่ fix จากตัวอย่างจะได้
00000000.00000000.00000000.11111111 หรือ 0.0.0.255
ตัวอย่าง 2
เรามี Network 1 ชุดคือ
202.29.144.0/21
จากตัวอย่างเราก็แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้ดังนี้
11001010.00011101.10010000.00000000
เรามาดู /21 ก่อน หมายถึง 21 bit แรก fixed เอาไว้ห้ามเปลี่ยน จะได้ดังนี้
11001010.00011101.10010000.00000000
จากกฏที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ตัวเลขบอก Network คือ 11001010.00011101.10010000.00000000 หรือ 202.29.144.0 ซึ่งคือ IP แรก
จากกฏที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ตัวเลขบอก Boardcastคือ 11001010.00011101.10010111.11111111 หรือ 202.29.151.255 ซึ่งคือ IP สุดท้าย
จะได้ว่า Network นี้จะมี IP ใช้งานได้ตั้งแต่ 202.29.144.1-202.29.151.254 (202.29.144.0 กับ 202.29.151.255 เอาไปใช้แล้ว)
แล้ว Netmask จะใช้ 1 แทน bit ที่ fixed และใช้ 0 แทน bit ที่ไม่ fix จากตัวอย่างจะได้
11111111.11111111.11111000.00000000 หรือ 255.255.248.0
wild card bits จะมีในอุปการณ์ Network จะใช้แทน Netmask หลักการก็ตรงกันข้าม Network คือ จะใช้ 0 แทน bit ที่ fixed และใช้ 1 แทน bit ที่ไม่ fix จากตัวอย่างจะได้
00000000.00000000.00000111.11111111 หรือ 0.0.7.255
- Log in to post comments
- 13776 views